นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมแถลงจุดยืน รถไฟรางเบา โครงการระบบขนส่ง
ข่าว ภูเก็ต

นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมแถลงจุดยืน รถไฟรางเบา โครงการระบบขนส่ง

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นางสาวเชิญพร กาญจนสายะ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และนายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานกรรมการบริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง ร่วมการแถลงข่าว การแสดงจุดยืนของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมติ กรอ. จังหวัดภูเก็ต ในเรื่องข้อสรุปเรื่องรถไฟรางเบา หลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมี ผู้นำภาคเอกชน 16 องค์กร และสื่อมวลชน เข้าร่วม

นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ที่จังหวัดกระบี่ ในการประชุม กรอ. จะมีการนำเสนอข้อมูลที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Specialize Expo 2028 โดยเลือกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงานนั้น โดยมีเงื่อนไขของการจัดงานดังกล่าวคือพื้นที่จัดงานจะต้องมีความพร้อมคือ สนามบินนานาชาติมีที่พัก และมีพื้นที่จัดงาน รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานและมีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยรองรับ ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจึงเตรียมการจัดกิจกรรมดังกล่าวไว้ในพื้นที่ตำบลไม้ขาวในเนื้อที่ประมาณ 141 ไร่ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพอันดามันที่เป็นแผนที่จังหวัดอนุมัติไว้แล้ว ดังนั้นหากมีการก่อสร้างระบบขนส่งรถไฟรางเบาก็จะเป็นโครงการที่ดี ที่จะเกิดประโยชน์กับจังหวัดภูเก็ตต่อไป

นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในนามตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตใน 3 อำเภอ 17 ตำบล ขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้จังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน Specialize Expo 2028 สำหรับประเทศ ที่ต้องการจัดงานดังกล่าวนั้นมี อเมริกา สเปน และไทย ซึ่งขอให้ผลจากการนำเสนอในการประชุม ครม. ในครั้งนี้เป็นจังหวัดภูเก็ต เพราะถ้าเป็นภูเก็ตได้ ทั้งถนนหนทาง แสงสว่าง ระบบขนส่งมวลชนนั้นดีเยี่ยมอยู่แล้ว

สำหรับการขับเคลื่อนในเรื่องระบบรถไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งที่เราต้องทำมานาน เพราะปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวภูเก็ตลดน้อยลง เนื่องจากปัญหาการจราจร ซึ่งทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ออกแบบ โดยเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว สนข. ได้ออกแบบในการทำรถไฟฟ้ารางเบา วิ่งจากสนามบิน เข้ามาในเมือง และไปสิ้นสุดที่วงเวียนห้าแยกฉลอง ประมาณ 22 สถานี ซึ่งในวันนั้นได้ใช้ระบบราง แต่ล่าสุดทราบว่า รฟม.อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นล้อยาง อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปลี่ยนแบบล้อยางกับแบบรางนั้นมีความแตกต่างกันที่มูลค่าการลงทุน ทั้งนี้ อยากฝากให้ทาง รฟม. เป็นผู้คิดว่าจะทำแบบราง หรือแบบล้อยาง ที่จะไม่เป็นภาระคนภูเก็ตในอนาคตต่อไป

ด้าน นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้เพื่อร่วมนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของการจราจรในจังหวัดภูเก็ตให้สอดคล้องกับความต้องการของเมือง โดยข้อแรกที่ขอไปคือให้ปรับเรื่องการบูรณาการของการวางแผนการทำงานร่วมกันของรถไฟฟ้ารางเบากับถนนการทางพิเศษเพื่อจะได้ไม่ต้องสลับเวลา ทำให้รถไฟฟ้ารางเบาต้องมาทีหลังถนน ในวันนี้จังหวัดภูเก็ตประสงค์ที่จะให้ดำเนินการเรื่องรถไฟฟ้ารางเบาได้ทันที หากได้รับมติจากครม. และรฟม.ว่าจะสร้างรถไฟรางเบา จังหวัดภูเก็ตจะได้วางแผนการจราจรในจังหวัดภูเก็ต ไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชนที่ต้องใช้รถใช้ถนน ข้อ 2 เรื่องการคัดเลือกประเภทของรถไฟ ทางหอการค้ามีมติ กรอ.มาโดยตลอดว่าจังหวัดภูเก็ตอยากได้รถไฟฟ้าชนิดรางเหล็ก เนื่องจากต้องการรถที่มีผู้บริหารหรือผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ที่จะออกแบบให้เหมาะกับจังหวัดภูเก็ต เพราะที่ผ่านมาเห็นมาหลายเมืองแล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นถ้าหากใช้รถไฟฟ้าชนิดรางเหล็ก ก็มั่นใจว่าประสบการณ์เหล่านั้นน่าจะมีเพียงพอ ส่วนการที่ รฟม.จะเปลี่ยนเป็นรถล้อหรือชนิดอื่น อยากจะขอให้ รฟม.มาให้ข้อมูลกับทางจังหวัดภูเก็ตเพิ่มเติม และหากต้องการมติของจังหวัดภูเก็ตก็ให้มีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเรื่องของงบประมาณและข้อมูลการลงทุนทั้งหมด เพื่อที่จะได้ตัดสินใจร่วมกัน ในขณะเดียวกันหาก รฟม. จะตัดสินใจเองก็ถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐสามารถตัดสินใจแทนได้เลย และ ข้อ 3 ที่จะนำเสนอในการที่จังหวัดจะมีงาน Specialize Expo ในเดือนมีนาคม 2571 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2571 อีก 7 ปีข้างหน้า ดังนั้นจังหวัดอยากให้มีรถไฟฟ้าเฟส 2 ดำเนินการต่อเนื่องทันที เพื่อให้ทันใช้งานในธันวาคม 2569 ตามแผนเดิมที่มีมติ ครม.เคยประกาศมาแล้ว เมื่อปี 2563 ดังนั้นข้อ 3 จะได้ประโยชน์ต่อเนื่อง รองรับการลงทุนและการจัดงาน Specialize Expo ที่อยู่หัวเกาะไปจนถึงสถานีท่านุ่นและยังมีสปอร์ตคอมเพล็กซ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่จะเปิดในช่วงเวลานั้น ทำให้ความคุ้มค่าในการลงทุนก็จะตามมา และรายได้ที่เกิดจาก Specialize Expo กว่า 4-5 หมื่นล้านก็น่าจะเป็นประโยชน์กับการลงทุนของรฟม.ในคราวเดียวกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.