ทต.ฉลอง แถลงข่าว กรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊กร้องเรียนเทศบาลฯ
ข่าว ภูเก็ต

ทต.ฉลอง แถลงข่าว กรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊กร้องเรียนเทศบาลฯ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 14.00 น. เทศบาลตำบลฉลอง เปิดแถลงข่าวกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊ก ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ปัญหาขยะบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ปัญหาแสงสว่างและป้ายบอกทางที่ไม่เพียงพอบริเวณทางลอดห้าแยกฉลอง และการปล่อยให้มีการพนันในพื้นที่ โดยกล่าวหาว่านายยกเทศมนตรีฯ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น

นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ได้ตอบข้อกล่าวหาดังกล่าว ผ่านสื่อมวลชนที่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าว โดยแยกเป็นประเด็นว่า กรณีปัญหาขยะบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในตำบลฉลอง แต่อยู่ในความดูแลของ อบจ.ภูเก็ต เดิมที่ดินผืนนี้เป็นของวัดฉลอง ต่อมาทาง อบจ.ภูเก็ตได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวเป็นเวลา 30 ปี และได้บริหารจัดการพื้นที่เป็นท่าเทียบเรือดังกล่าว แต่ระยะหลังไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลจัดการปัญหาขยะ จึงทำให้เกิดการร้องเรียนทั้งจากประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวตามเกาะแก่งต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่ทางเทศบาลฯ สามารถทำได้ คือ สั่งการให้กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ไปขนย้ายขยะและทำความสะอาด ถามว่าหากมีการโอนทรัพย์สินให้เป็นของทางเทศบาลฯ จะสามารถบริหารจัดการได้หรือไม่ เรื่องนี้ตนเคยหารือกับอดีต นายก อบจ.ภูเก็ต และอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าหากทางอบจ.หมดสัญญา ทางเทศบาลฯ มีความพร้อมบริหารจัดการในทุกด้าน โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเช่นขยะ มีนโยบายการบริหารที่ยั่งยืน ทั้งบุคลากรและเครื่องมือ มีฝ่ายจัดเก็บ ฝ่ายทำความสะอาด รถจับเก็บขยะ รถดูดโคลน มีการประชาสัมพันธ์การจัดเก็บ และมีหน่วยม้าเร็วคอยเก็บขยะตกค้าง

ประเด็นต่อมาเรื่อง ระบบไฟส่องสว่าง ป้ายเตือนที่ไม่เพียงพอ และผิวจราจรชำรุดเสียหาย บริเวณถนนที่มีการก่อสร้างทางลอดห้าแยกฉลอง ผู้ร้องเรียนไม่ได้มีแค่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คเท่านั้น มีทั้งที่มาเข้าพบที่สำนักงานเทศบาลฯ ด้วย เรื่องนี้ตนยอมรับว่าแสงสว่างและไฟสัญญาณมีไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีรถสะสมปริมาณมาก ก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้าง ผู้บริหารของทางเทศบาลฯ ได้ลงพื้นที่พร้อมกับผู้ว่าฯ แขวงทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จริงแล้วหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือบริษัทที่ดำเนินการก่อสร้างทางลอด แต่ทางเทศบาลฯ เองก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้เพราะอยู่ในพื้นที่ ก็ได้อธิบายรายละเอียดในการแก้ไขปัญหา โดยหลังจากแถลงข่าวจะประสานงานกับแขวงทางหลวงภูเก็ตและผู้ประกอบการเพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อไป โดยเฉพาะปัญหาด้านการจราจรซึ่งติดขัด ได้เร่งประสานงานกับสภ.ฉลอง เรื่องระบายรถสะสม เพื่อแก้ไขปัญการจราจรให้ได้มากที่สุด

อีกประเด็นมีผู้ใช้เฟสบุ๊กอีกราย ร้องเรียนพื้นผิวบาทวิถี หรือทางเดินเท้า บริเวณถนนหลวงพ่อแช่ม มีการวางกระถางต้นไม้บริเวณทางเท้าทำให้เดินไม่สะดวก ในเรื่องนี้ขอชี้แจงว่าหลังได้รับอนุมัติงบฯ จากสภา เทศบาลฯ ได้ก่อสร้างทางเท้าดังกล่าว หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ มีผู้มักง่ายบางราย นำรถหกล้อและรถทัวร์ขึ้นไปจอด ทำให้ทางเท้าเสียหายและชำรุดเป็นแนวยาว พอเกิดปัญหานี้ก็มีผู้กล่าวหาว่าเทศบาลฯ อมเงินงบประมาณ จึงอยากเรียนให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่า ทางเท้าสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนเดินเท้า ไม่ใช่ให้นำรถขึ้นไปจอด ส่วนกระถางต้นไม้ได้นำมาประดับเพื่อความสวยงาม มีการให้เจ้าหน้าที่เขียนป้ายห้ามจอดตลอดแนว แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืน ตอนนี้เลยตั้งงบฯ ไว้สำหรับซ่อมแซมทางเท้าเพื่อแก้ปัญหานี้

ส่วนประเด็นสุดท้าย เรื่องที่ผู้ใช้เฟสบุ๊กรายแรกกล่าวหาว่า เทศบาลฯ ปล่อยให้มีการเล่นพนันในพื้นที่ มีผู้บริหารบางรายเปิดให้มีสถานที่รับพนัน และกล่าวหาว่านายกฯ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ตนขอยืนยันหนักแน่นว่า ในพื้นที่ตำบลฉลองไม่ปล่อยให้มีการเปิดบ่อนพนัน และตนไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีบทบาทกับการพนันใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่ผ่านมาตนไม่ทราบจริง ๆ ว่ามีหรือไม่ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโนบายที่ได้แถลงต่อสภา เมื่อ วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 และมีการพูดคุยกันโดยตลอดว่าจะไม่ปล่อยให้มีการพนันเกิดขึ้นในพื้นที่

นายสำราญ ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาว่า แม้ว่าตำบลฉลองจะมีพื้นที่ไม่มาก แต่งบประมาณในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้งบประมาณในการใช้จ่ายทั่วไปและงบพัฒนา รวม 173 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นด้านการท่องเที่ยว แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดฉลอง มาศูนย์อาหาร และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เทศบาลฯ พร้อมที่จะพัฒนาร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ภาครัฐ เอกชนในพื้นที่ และทำมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง อีกส่วนหนึ่งได้รับงบประมาณจากแขวงทางหลวงภูเก็ต อดีตสส. อบจ.ภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าและกลุ่มจังหวัด โดยพยายามดึงงบฯเข้ามาแก้ปัญหาความเดือดร้อน พยายามทำให้ครอบคลุมทุกยุทธศาสตร์ ส่วนที่สามารถชูความพร้อมได้เลยก็คือด้านสาธารณูปโภค ทั้งความปลอดภัย แสงสว่าง ฯลฯ ทุกอย่างมีความพร้อม

ทั้งนี้ นายสำราญยังได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่มาร่วมรับฟังปัญหาพร้อมข้อเท็จจริง โดยกล่าวว่า หากไม่ได้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอ ปัญหาก็คงไม่ได้รับการแก้ไขและประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปได้รับทราบข้อเท็จจริง เพราะลำพังการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้เกิดการสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาด จนเกิดความเสียหายได้ในที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.